Welcome

จากกองทัพธรรม สู่ กองทัพบกสหรัฐ ท ทหาร อดทน


(สำหรับคนไทยบางท่านที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษใช้กูเกิล google แปลจากภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทย จะไม่ได้รสชาติภาษาและจะอ่านไม่รู้เรื่องเลย ผมจึงขออนุญาตแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจกัน)

(ผมไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันเป็นเวลานานพอสมควร บางศัพท์อาจจะตกหล่นในการพิมพ์หรือการสะกดคำ ช่วยทักท้วงและให้อภัยด้วยครับผม)

(คำแนะนำ!: นี่คือการดำเนินชีวิตของผม ไม่แนะนำให้เอาเยี่ยงหรือเอาอย่าง แต่ผมก็ไม่มีลิขสิทธิ์ ผมเพียงพิสูจน์และทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าเด็กเลี้ยงควายบ้านนอกได้สร้างเหตุให้เกิดผลได้ ด้วยการสร้างโอกาส โดยไม่รอโอกาสเกิดขึ้นเอง ขอให้มีความขยันและอดทนเป็นพื้นฐานแล้วจะพบหนทาง ขอให้ทำสิ่งที่ตนถนัดและพอใจในสิ่งที่ทำไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม  ในทางที่่ไม่เบียดเบียนตัวเองและคนอื่น)   

ผมผ่านการฝึกฝนในการบวชเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ (ณ วัดสันต้นแหน ตำบลดงมะดะ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ซึ่่งเป็นวัดประจำบ้านเกิด) และบวชเป็นพระภิกษุ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ (วัดราชนัดดารามวรวิหาร ที่บางกอก) ทั้งที่เมืองไทยและอเมริการวมเป็นเวลา ๒๑ ปี ในขณะที่บวชอยูู่ ผมได้มีโอกาศรับใช้สังคมด้วยการให้ทางด้านจิตใจ สิ่งนี้ถือว่าเป็นข้อวัตรปฏิบัติตามปกติของคนในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เด็กชายที่มีอายุน้อยกว่า ๒๐ ปี ได้สละชีวิตครอบครัวไปใช้ชีวิตในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ เขาเหล่านั้นมีโอกาสที่จะบวชเป็นสามเณรหรือพระภิกษุในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วันสัปดาห์เดือน, หรือหลายปี พระบางรูปบวชตลอดชีวิต. การบวชเป็นสามเณรหรือพระภิกษุไม่ได้ถือว่าเป็นข้อบังคับว่าจะต้องบวช แต่มันเป็นทางเลือกส่วนบุคคล ในขณะเดียวกัน การบวชเป็นสามเณรหรือเป็นพระภิกษุไม่ได้เป็นอาชีพ แต่มันเป็นความตั้งใจทางด้านจิตใจที่จะเดินตามรอยทางพระพุทธเจ้า อย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น (ผมบวชและเรียนภาษาบาลีที่สำนักเรียนบาลีวัดคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ๒๕๓๐ - ๒๕๓๔ และย้ายมาเรียนต่อที่บางกอก)

พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่สาวกของท่านให้ท่องเที่ยวไปในหมู่บ้านตำบลและตามเมืองต่าง ๆ เพื่อประโยชน์และความสุขของคนทั้งหลาย โดยปราศจากการเลือกที่รักมักที่ชังทางด้านสถานะทางสังคมเชื้อชาติเพศ และอื่น ๆ. ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ หลังจากที่ผมได้รับปริญญาตรีจากมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (Buddhist University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยทางพระพุทธศาสนา (มหาวิทยาลัยสงฆ์) ที่บางกอก ผมได้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อปฏิบัติศาสนกิจของมหาวิทยาลัย ที่วัดพุทธานุสรณ์ ซึ่งเป็นวัดทางพระพุทธศาสนา (Buddhist temple) ที่เมืองฟรีมอนท์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ผมได้มีโอกาสปฏิบัติศาสนากิจแก่ชาวพุทธจากหลาย ๆ ประเทศจากประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจากประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากปฏิบัติศาสนกิจในสหรัฐอเมริกา เป็นเวลาสิบปี ผมคิดว่ามันไม่พอสำหรับผมในฐานะพระธรรมทูตในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จะมาปฏิบัติศาสนกิจให้เฉพาะคนไทยพุทธเท่านั้น ฉะนั้น (ถ้าเราต้องการให้พระพุทธศาสนาเป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่ต้องจำกัดเฉพาะคนไทย ถ้าร้านอาหารไทยในอเมริกา จำกัดขายอาหารไทยให้แก่ลูกค้าคนไทย อาหารไทยก็คงไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่่วไป) ผมคิดที่จะเผื่อแผ่ประสบการณ์ (ในทางพระพุทธศาสนา) ให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นที่ไม่ใช่คนพุทธ  

แล้วผมจะทำงานนี้ได้สำเร็จดั่งหมายได้อย่างไรในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีคนนับถือศาสนาคริสต์และพูดภาษาอังกฤษ ข้อแรกนี้ผมไม่ถือว่าเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ในประเทศสหรัฐอเมริกา คนอเมริกันมีอิสระในการนับถือศาสนา จุดประสงค์ของผมคือการแบ่งปันความหลากหลายของสิ่งยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ ผมบอกผู้คนที่ผมคุยด้วยเสมอว่าศาสนาก็เหมือนกับอาหารทางด้านจิตใจ และบอกผู้คนเสมอ ๆ ว่า คุณไม่ต้องเปลี่ยนสัญชาติของคุณเพื่อกินอาหารไทย ยังไงคุณก็ยังเป็นคุณอยู่นั่นเอง (คือไม่ได้กลายเป็นคนของประเทศนั้น ๆ ตามอาหารที่กินเข้าไป ฝรั่งกินข้าวเหนียวก็เป็นฝรั่งอยู่นั่นเอง ไม่ได้กลายเป็นคนเมืองเหนือที่กินข้าวเหนียว) และแล้วการกินอาหารไทยเข้าไปนั้น มันก็แค่ดับความหิวไปก็เท่านั้น คุณก็ยังยังเป็นคุณอยู่นั่นเอง ไม่ว่าคุณจะกินอาหารอะไรก็แล้วแต่ ผมไม่ได้พยายามที่จะเปลี่ยนความคิดคุณให้เป็นคนไทย หรือบังคับคุณให้กินอาหารไทย ผมเพียงแต่ต้องการแบ่งปัน. ผมเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนประถมศึกษา (ป.๕ - ป.๖ ที่่โรงเรียนบ้านแม่ลาว อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย) ผมรู้ภาษาอังกฤษ แบบงู ๆ ปลา ๆ ถึง และ ประโยคพื้นฐานเท่านั้น หลังจากนั้นผมได้เรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองโดยการอ่านหนังสือ (การเรียนภาษาบาลีนอกจากจะทำให้พระเณรมีความเข้าใจพระธรรมวินัยได้ดีแล้ว ยังมีประโยชน์ในการเข้าใจภาษาอังกฤษ เพราะมีโครงสร้างทางไวยากรณ์ (grammar) คล้าย ๆ กัน) และเรียนในมหาวิทยาลัยสงฆ์ (คณะมนุษยศาสตร์ เอภภาษาอังกฤษ) ดังนั้น ในขณะที่เป็นพระที่สหรัฐอเมริกา ผมได้เรียนภาษาอังกฤษในฐานะเป็นภาษาที่สองจากโรงเรียนผู้ใหญ่ และได้เรียนต่อในระดับวิทยาลัย แต่ผมก็ยังต้องฝึกฝนกับคนอเมริกันให้มาก

ผมเรียนจบระดับวิทยาลัยทางด้านศิลปวิทยาการศึกษาทั่วไป และจบทางด้านวิทยาศาสตร์วิทยา (ระดับ ปวส) จาก วิทยาลัยประจำเมือง ของเมืองซาน ฟรานซิสโก (City Collage of San Franciso) ที่่รัฐแคลิฟอร์เนีย ผมมีความคิดว่าพร้อมแล้วที่จะมุ่งหน้าต่อไปในสายอื่น หลังจากที่บวช (อยู่ในดงขมิ้นที่เมืองไทย และดงแครอทที่อเมริกาทั้งสามเณรและพระภิกษุ) มาได้ ๒๐ ปี ผมคิดว่าจะทำสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่พระในจารีตประเพณีเราจะสามารถทำได้ เพื่อแบ่งปันความเชื่อและประเพณีในประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ผมได้พบโครงการเป็นอนุศาสนาจารย์ (Chaplaincy Program) ในกองทัพบกสหรัฐ (US Army) ผมคิดว่ามันเป็นภาระกิจที่ท้าทายเป็นอย่างมากที่จะได้แนะนำคำสอนทางพระพุทธศาสนาในสิ่งแวดล้อมที่เป็นกองทัพทหาร เพราะว่าผมสามารถที่จะแบ่งปันคำสอนทางพระพุทธศาสนาให้ทหารที่ไม่ได้เป็นชาวพุทธ ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมในโครงการเป็นอนุศาสนาจารย์ของกองทัพบกสหรัฐ ผมได้เข้าเป็นนายทหารกองหนุน (Army Reserve Officer) ยศร้อยตรี ที่ กองพันสารวัตรทหาร (MP=Military Police Brigade) ที่เมืองลอส อลามิโต้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ผมได้ปฏิบัติหน้าที่ในการทำกิจกรรมทางพุทธศาสนาโดยการนำสวดมนต์ นำทำสมธิ, บรรยายและสนทนาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาให้แก่ทหารทั้งที่เป็นชาวพุทธและที่ไม่ได้เป็นชาวพุทธ (ตลอดถึงให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเพณี ศิลปวัฒนธรรมของชาวพุทธทางประเทศเอเชีย)

ผมเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาโท ในสายอนุศาสนาจารย์ทางพระพุทธศาสนา (Buddhist Chaplaincy) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จาก มหาวิทยาลัยชื่อ University of the West เมืองโรสมีสด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในขณะนั้น ผมยังได้ผ่านการฝึก การศึกษาทางด้านจิตใจสำหรับคนไข้ในสถานพยาบาล (CPE= Clinical Pastoral Education) ได้ สองหน่วย (สองขั้น) เพื่อที่จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการเป็นอนุศาสนาจารย์ในโรงพยาบาล และผมได้ปฏิบัติฝึกงานเป็นอนุศาสนาจารย์ที่วัดไทย (วัดไทยแอลเอ) ในเมือง ลอส แองเจลีส 

ผมเป็นทหารกองหนุนมาเป็นเวลา ๘ ปี และผมได้เข้าเป็นทหารกองประจำการ (Active Duty) ที่ค่ายทหารชื่อ Fort Stewart (อ่านว่า ฟอรท์ Stew สะตู + Art อาท์) รัฐจอเจีย (สังกัดกองร้อย 703 หน่วยสนับสนุนกองพันทหารราบที่สอง หน่วยสนับสนุนทหารปืนใหญ่ในการต่อสู้  กองพลทหารราบที่สาม 703rd BSB 2nd ABCT 3ID ชื่อเต็ม 703rd Brigade Support Battalion 2nd Armored Brigade Combat Team 3rd Infantry Division)  ถือว่าเป็นหน่วยงานทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ครั้งแรก (สำหรับทหารกองประจำการ)  เมื่อเดือนกันยายน ปี ๒๕๖๒ ผมเป็นหนึ่งในบรรดาพุทธานุศาสนาจารย์ (อนุศาสนาจารย์ทางพุทธศาสนา) ที่มีจำนวนไม่กี่คนในกองทัพบกของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ผมได้เป็นทหารเพื่อทุ่มเทชีวิตเพื่อดูแลขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าทหารทั่วไป และเพื่อดูแลทหารที่บาดเจ็บ และให้เกียรติแก่ทหารที่เสียชีวิต ตลอดถึงแบ่งปันสิ่งที่มีค่าทางพระพุทธศาสนาให้แก่ทหารทั้งผู้หญิงผู้ชายในกองทัพบก ด้วยประสบการณ์ในการบวชมาเป็นระยะเวลา ๒๐ ปี ทั้งการศึกษา และการฝึกฝนอบรมมา ผมเชื่อมั่นว่าผมสามารถที่จะนำเอาคำสอนทางพระพุทธศาสนามาช่วยเหลือเหล่าทหารตลอดถึงครอบครัวเขาเหล่านั้นได้ (โดยไม่ได้หวังว่าจะมีคนมานับถือพระพุทธศาสนา แต่ผมแนะนำเขาด้วยคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่เข้ากับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ของพวกเขา โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือหันมานับถือศาสนาพุทธ คือเราให้อิสระแก่เขาในความเป็นตัวตนของเขาในทางความเชื่อ สิ่งนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของพระพุทธศาสนาในความคิดของผม) 

ผมมีความพอใจเป็นอย่างมากในการเข้าเป็นทหารกองประจำการ เพราะว่าผมได้อยู่ในกองทัพทุกวันเพื่อปฏิบัติฝึกฝนบทบาทในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเหลือ และแนะนำผู้บังคับบัญชา (ในเรื่องศาสนา, ศิลปวัฒนธรรมตลอดถึงขวัญและกำลังใจ) ในฐานะเป็นอนุศาสนาจารย์ และในฐานะทหาร ผมมีปฏิสัมพันธ์กับทหารทุกวันเพื่อฝึกฝนความชำนาญในด้านบุคคลากรในสภาพแวดล้อมที่เป็นกองทัพ พวกทหารช่วยผมให้ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เป็นกองทัพบก ผมได้บอกผู้บังคับบัญชา เพื่อนนายทหารด้วยกันและเหล่าทหารให้ปฏิบัติตัวต่อผมเหมือนกับทหารทั่ว ๆ ไปที่ใส่เครื่องแบบทหาร คือไม่ให้เขาถือว่าผมเป็นพระ (คือทหารถือว่าอนุศาสนาจารย์หรือ chaplain เป็นนักบวชตัวแทนของศาสนานั้น ๆ ในกรณีผม ๆ เป็นอุบาสกที่รับใช้วัดหรือพระคุณเจ้า Lay Buddhist minister ไม่ได้เป็นพระแบบที่คนไทยพุทธเข้าใจ เพราะพระตามประเพณีเราไม่สามารถที่จะไปทำอย่างนี้ได้)  ผมอยู่ในกองทัพบกสหรัฐเพื่อสนับสนุนกองทัพในฐานะอนุศาสนาจารย์ ผมทำหน้าที่ให้กำลังใจทหารที่มองหาความต้องการทางด้านจิตใจให้มาพูดคุยกับผมไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เช่น ความสูญเสีย ความเครียด และความกังวลต่าง ๆ ผมให้คำปรึกษากับทหารเหล่านั้นเสมอและแนะนำให้ไปหาแหล่งที่จะช่วยเขาได้ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือ




บวชเป็นสามเณร ปี พ.ศ ๒๕๒๘ - ๒๕๓๖


วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร (ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว)

เสด็จแทนพระองค์ประทานพัดยศเปรียญธรรม ๖ ประโยค ( ๒ ปี ถัดมา สอบได้ เปรียญธรรม ๗ ประโยค) 


ครอบครัวไวยกา ในวันที่สำเร็จสอบผ่านเปรียญธรรม ๓ ประโยค จากสำนักเรียนบาลีวัดคูหาสวรรค์ จังหวัดพัทลุง

วิหารหลังเดิมที่วัดบ้านเกิด วัดสันต้นแหน ตำบลดงมะดะ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย


สังกัดวัดราชนัดดารามวรวิาหร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๓๕ - ๒๕๔๐


สหธรรมมิกวัดราชนัดดารามวรวิาหาร